ในสมัยก่อน เราอาจมีความเข้าใจว่าต้องใช้พื้นไม้แท้ในการปูพื้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะพบในพื้นไม้แท้ ทำให้พื้นไม้เทียมมีความนิยมมากยิ่งขึ้น มาทำความรู้จักพื้นไม้เทียมแต่ละประเภทกันก่อนดีกว่าว่ามีพื้นไม้แบบไหนกันบ้าง
พื้นไม้ลามิเนต เป็นพื้นไม้เทียมแบบเบสิคที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และให้ความสนใจเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และเป็นพื้นไม้ชนิดแรกๆ ที่ถูกผลิตและพัฒนามาเพื่อทดแทนพื้นไม้จริง (Solid wood) วัสดุผลิตจากผงไม้นำมาอัดกันเกิดเป็น HDF Board ปิดผิวหน้าด้วยแผ่นฟิล์มลวดลายไม้ ทำให้มีสีสรรและลวดลายที่หลากหลาย ความหนาที่นิยมใช้กันนั้นมีตั้งแต่ 8 มิล และ 12 มิล และติดตั้งด้วยระบบคลิกล็อก ทำให้ติดตั้งได้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
พื้นไม้ลามิเนตที่ผลิตในประเทศไทย ได้มาตรฐานและผิวหน้าทีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อรอยขีดข่วน สามารถใช้งานได้ทั้งภายในบ้านและเชิงพาณิชย์แบบ Low Traffic คือไม่ได้มีการเดินมาก แนะนำให้ติดตั้งบริเวณชั้น 2 ขึ้นไป เนื่องจากวัสดุยังมีส่วนผสมของไม้อยู่ อาจะทำให้ความชื้นจากพื้นใต้ดินส่งผลกระทบต่อพื้นไม้ได้
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
พื้นไม้ LVT หรือ Luxury Vinyl Tile เป็นพื้นกระเบื้องยางที่ผลิตด้วยไวนิล (Pure Plastic 100%) ตัวแผ่นมีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอได้ และมีความแข็งแรง ลักษณะเสมือนยาง ยืดหยุ่นได้ดี สามารถปูพื้นให้แน่นได้ด้วยการทากาว สามารถทนรอยขีดข่วนได้
วัสดุมีทั้งแบบแผ่น แบบม้วน และแบบคลิกล็อก สามรถเลือกได้ตามการใช้งานของแต่ละพื้นที่ได้เลย ในส่วนของราคาจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัสดุและติดตั้งที่มีความสะดวกเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันพื้นไวนิลมีการพัฒนาเพื่อเสริมความแข็งแรง และลดการยืดหยุ่น ด้วยการผสมไฟเบอร์กลาสลงในชั้นแกนกลางของวัสดุ ทำให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น หักงอได้ยากขึ้น และยืดหดตัวน้อยลง ทำให้หมดกังวลในด้านสภาพอากาศที่แปรปรวนของบ้านเรา นวัตกรรมที่กล่าวมานั้นรู้จักกันในชื่อ ISOCORE Technology (พิกัดสินค้า : https://short.xsurface.com/link/IN9OkJwJr)
ISOCORE Technology นวัตกรรมใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นและถูกจดสิทธิบัตรในอเมริกา โครงสร้างเซลล์แกนกลางของไวนิลรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมาะสำหรับเป็นวัสดุตกแต่งภายในบ้านและโครงการ สร้างพื้นที่ปลอดภายให้กับครอบครัวคุณ
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
พื้นไม้ WPC หรือ Wood Plastic Composite วัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นผงไม้ผสมกับผงพลาสติกโพลิเมอร์ เกรดเอ ทำให้เกิดมาเป็น WPC ซึ่งเป็นหนึ่งในไม้เทียมที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริง สวยงาม คงทน ไม่แตกหักง่าย
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
พื้นไม้ SPC หรือ Stone Plastic Composite วัสดุมีส่วนผสมของผงหิน ทำให้มีความทนต่อความชื้น ทนน้ำกว่าพื้นไม้จริงทุกประเภท สามารถติดตั้งแบบเข้าลิ้นคลิ๊ก ทับพื้นผิวที่เรียบได้เลย โดยที่ไม่ต้องทากาว มีความคงทนต่อแรงกดทับ เหมาะกับพื้นที่ที่มีการเดิน หรือเข้า-ออกบ่อยครั้ง ความหนาในตลาดมีตั้งแต่ 4 มิล , 5 มิล , 6 มิล และ 7.5 มิล ในบางแบรนด์ สามารถเลือกการใช้งานให้เหมาะสมกับพื้นที่ของเราได้จากชั้นผิว wear layer หรือชั้นกันสึก ที่จะให้มาไม่เท่ากันในแต่ละความหนา โดยชั้นกันสึกพื้นฐานจะอยู่ที่ 0.3 มิล คือสามรถทนการใช้งานได้เพียงระดับ AC3 หากต้องการใช้งานเชิงพาณิชย์หรือระดับ AC4 ขึ้นไป แนะนำให้เลือกแบบที่มีความหนาของชั้นกันสึก 0.5 มิลขึ้นไป
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา